ที่มา : https://hololens.reality.news/news/microsoft-emerges-from-trenches-with-more-details-behind-army-edition-hololens-2-0384713/

ปีที่แล้วเราได้หน้าตาของ Hololens 2 เวอร์ชั่นแรกที่ไมโครซอฟต์ได้ดัดแปลงให้ทหารกองทัพสหรัฐใช้ทดสอบ มันยังดูเหมือน Hololens 2 ฉบับเชิงการค้าที่มีการติดเซ็นเซอร์เพิ่มเข้ามา
วันนี้แว่นต้นแบบ Integrated Visual Augmentation System (IVAS) ผลิตภายใต้สัญญาที่มีมูลค่าเริ่มต้นกว่า 480 ล้านดอลลาร์ ดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับการรบมากขึ้น มีกระบังหน้าและเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นมากซึ่งรวมอยู่ในกล่องหุ้มสีเบจที่ดูแข็งแรงทนทาน
ตอนนี้กองทัพสหรัฐได้ขยายเวลาสัญญาเพิ่มอีก 5 ปี มีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ(และอาจจะขยายเพิ่มอีก 5 ปี) กับไมโครซอฟต์เพื่อผลิต Hololens 2 รุ่นกองทัพสหรัฐ จำนวน 120,000 ชิ้น ไมโครซอฟต์ได้เปิดเผยรายละเอียดเบื้องหลังเพิ่มเติม
แว่น IVAS เป็นผลผลิตที่เกิดจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างไมโครซอฟต์กับกองทัพสหรัฐ โดยทีมงานของไมโครซอฟต์ได้เข้าร่วมค่ายฝึกทหารเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ และกองทัพสหรัฐได้สัมผัสถึงวิธีการออกแบบของไมโครซอฟต์ที่เน้นผู้ใช้งานเป็นหลัก

ที่มา https://hololens.reality.news/
“ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่รัฐบาลจะร่วมการเดินทางนี้ไปกับเรา” Alex Kipman ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของไมโครซอฟต์และนักประดิษฐ์แว่น Hololens ได้กล่าวในแถลงการณ์ “ฉันขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับกองทัพสหรัฐสำหรับระดับ Growth Mindset ของพวกเขา มันเป็นอะไรที่ถูกคน กับทัศนคติที่ถูกต้อง ถูกเวลา ที่เชื่อในพวกเราอย่างสุดใจ”
ทีมงานได้ทำการบันทึกข้อเสนอแนะของทหารกว่า 80,000 ชั่วโมงภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งรวมถึงการทดสอบใช้งานถึง 4 ครั้งท่ามกลางการระบาดครั้งยิ่งใหญ่ของโควิด-19 โดยสมาชิกในทีมทุกคนยังคงสื่อสารกันผ่านโปรแกรม Microsoft Teams กองทัพได้ทดสอบชุดแว่นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ Fort Pickett รัฐเวอร์จิเนีย กับมีการทดสอบเพิ่มเติมที่เปอร์โตริโกและอลาสก้าเพื่อเก็บข้อมูลสถานที่ที่มีสภาพอากาศที่รุนแรง
ท้ายที่สุด ไมโครซอฟต์ทำซ้ำผ่านต้นแบบนับสิบ ๆ ชิ้น และปรับแต่งแว่นนั้นตามการให้ข้อมูลของผู้ใช้งาน ถึงแม้ว่าไมโครซอฟต์จะทำตามข้อกำหนดของกองทัพใช้อุปกรณ์ที่ทนทานต่อสภาพสนามรบกับต้นแบบตั้งแต่แรก แต่ข้อเสนอแนะของทหารแสดงให้เห็นว่าจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแบบเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งเซ็นซอร์ในตอนแรกขัดขวางความสามารถของทหารในการเล็งปืนไรเฟิลของพวกเขา และอุปกรณ์ของรุ่นแรกจำกัดการมองเห็นอุปกรณ์ต่อพ่วงของพวกเขา ชุดคอมพิวเตอร์รุ่นแรกมีแป้นหมุนซึ่งแม้จะใช้งานง่าย แต่ก็มีแนวโน้มที่จะแตกหักได้เมื่อทหารคลานผ่านภูมิประเทศที่ขรุ

ที่มา https://hololens.reality.news/
ผลลัพธ์ที่ได้คือการบรรจบกันของเทคโนโลยี HoloLens AR กับการถ่ายภาพทางความร้อน, เซนเซอร์, เทคโนโลยี GPS และความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืน ที่จะให้ทหารมองเห็นเป็นภาพ 3 มิติและแผนที่รวมถึงเข็มทิศที่มองเห็นผ่านแว่นของพวกเขา
“ทหารจะสามารถฝึกซ้อมและฝึกฝนในสถานการณ์ที่สมจริงมากยิ่งขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีความจริงเสริมเพื่อเตรียมพร้อมกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะโจมตี” Marc Krugh จ่าสิบเอกที่ปรึกษาอาวุโสของโครงการ กล่าว “แน่นอน IVAS จะต้องช่วยปกป้องชีวิต นั่นคือหัวใจหลักของพวกเรา นำเหล่าทหารชายหญิงของพวกเรากลับบ้าน”
แผนที่ 3 มิติจะช่วยให้กองทัพสหรัฐสามารถวางแผนภารกิจได้ และในอนาคตจะมองเห็นสนามรบจากมุมมองของศัตรูได้ ทหารยังสามารถระบุตำแหน่งของเพื่อนหมวดทหารได้โดยใช้ข้อมูลตำแหน่งส่งผ่านเครือข่ายที่ปลอดภัย เมื่อจับคู่กับอุปกรณ์เล็งปืนแล้วทหารจะสามารถใช้กล้องส่องดูบริเวณรอบ ๆ พวกเขาได้อย่างปลอดภัย เมื่อดูผ่านกล้องในชุดแว่น IVAS ของพวกเขา
ที่มา https://hololens.reality.news/
ลองคิดเกี่ยวกับการให้ทหารรับรู้สถานการณ์คับขัน ไม่เพียงแต่อยู่รอบข้างพวกเขาเท่านั้น แต่ยังอยู่ใกล้คน สถานที่ และสิ่งของที่มีความสำคัญต่อภารกิจด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยของทหาร และลดการยิงฝ่ายเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด และเหตุการณ์อื่น ๆ  David Marra ผู้อำนวยการโครงการ IVAS ของไมโครซอฟต์ กล่าว
แม้ว่าเวลาสองปีกว่าดูเหมือนว่านาน มันเร็วกว่าเมื่อเทียบกับสัญญาทางทหารอื่น ๆ ซึ่งอาจใช้เวลาหกถึงสิบปีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จนถึงขั้นสุดท้าย อย่างไรก็ตาม IVAS ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Microsoft ภายใต้ข้อตกลง “Other Transaction Authority” ซึ่งอนุญาตให้มีความยืดหยุ่นในการพัฒนา และทดสอบ การรีวิวผลลัพธ์จุดนี้น่าตื่นเต้น
“ไมโครซอฟต์ทำงานได้ดีมากในการพยายามทำความเข้าใจว่ารัฐบาลต้องการอะไร และเพิ่มบางสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราต้องการหรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ในขอบเขตว่ามีความเป็นไปได้” Krugh กล่าว
พลเรือนทั่วไปอาจไม่เคยใส่ HoloLens รุ่น IVAS ไว้บนหัวของพวกเขาเลย แต่ในที่สุดพวกเขาจะเพลิดเพลินไปกับผลงานของ Microsoft อันเป็นผลมาจากสิ่งที่บริษัทได้เรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบ การพัฒนา และการทำซ้ำผ่านกระบวนการนี้

สนใจตอดต่อสอบถามได้ที่ LINE ID: @oculusthailand